การดูทีวีหรือดูวิดีโอผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ช่วยเปิดโลกกว้างให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้มากมาย รวมทั้งช่วยสร้างแรงบันดาลใจมีอิทธิพลกับเด็กจากการได้เห็นตัวอย่างที่ดี แต่เนื้อหาในทีวีและบนอินเตอร์เน็ตนั้นมีบางส่วนที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก เช่น หนังโป๊ญี่ปุ่น หรือสื่ออื่นๆที่แฝงมากับหนังโป๊ญี่ปุ่น ล้วนแต่จะส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของเด็ก อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตอีกได้ด้วย มีพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่กังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมติดทีวีของลูกน้อยสามารถศึกษาวิธีป้องกันและแนวทางการแก้ไขได้ 

ผลกระทบจากการดูทีวี
ได้มีงานวิจัยที่กล่าวว่า เนื้อหาบางประเภทในทีวีโดยเฉพาะเนื้อหาที่มีความรุนแรงจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและด้านพัฒนาการของเด็กเล็กได้ยิ่งใช้เวลาในการดูทีวีนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียมากขึ้นเท่านั้น

ผลกระทบที่เด็กได้รับจากการดูทีวีหรือสื่อดิจิทัลต่างๆ มีดังนี้
มีพัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้า การสื่อสารการโต้ตอบกับผู้ใหญ่เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ส่งเสริมและพัฒนาการทางภาษาของเด็ก แต่การดูทีวีอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในด้านนี้ของเด็ก เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 2 เดือนไปถึง 4 ปี เพราะขณะที่เปิดทีวี ผู้ใหญ่จะพูดคุยกับเด็กน้อยลง และทีวียังดึงดูดความสนใจของเด็กไปจากการเล่นของเล่นอยู่หรือการพูดคุยกับพ่อแม่เป็น กิจกรรมที่ช่วยส่งผลดีในพัฒนาการของเด็กมากกว่าการดูทีวี ทางด้านกุมารแพทย์ส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปีดูทีวี ระวังลูกแอบดูหนังโป๊ญี่ปุ่นที่คุณพ่อเปิดทิ้งไว้ด้วยนะ หรือใครที่ชอบดูหนังโป๊ญี่ปุ่นบนทีวี ก็ต้องไม่ลืมที่จะเช็คว่าตนเองปิดไปแล้วหรือยัง
จะถูกปลูกฝังพฤติกรรมใช้ความรุนแรงการเห็นภาพความรุนแรงจากในทีวี รวมถึงการเล่นเกมหรือแอปพลิเคชั่นที่มีเนื้อหาที่รุนแรงทำให้เด็กได้รับผลกระทบทางด้านอารมณ์ และมีแนวโน้มที่จะเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวหรือมีมุมมองในแง่ลบได้ นอกจากนี้ทำให้เด็กเกิดความเคยชินและขาดความเห็นอกเห็นใจต่อเหยื่อที่กำลังเผชิญความกับรุนแรง หรืออาจคิดว่าการใช้ความรุนแรงเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาที่ถูกต้องก็ได้
เสี่ยงเกิดโรคอ้วน มีงานวิจัยชี้ว่าเด็กที่ดูทีวีสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมงขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนได้มากกว่าเด็กที่ดูทีวีน้อยกว่าถึง 2 เท่า อาจทำให้มีมวลไขมันเพิ่มมากขึ้นด้วยเพราะเป็นกิจกรรมที่ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเท่าเลย ถึงแม้เด็กจะโตขึ้นแล้วก็ตามพ่อแม่ก็ควรจำกัดเวลาในการดูทีวีในแต่ละวันไม่ให้มากเกินไป จำกัดเวลาเล่นเกม การดูวิดีโอบนอุปกรณ์อื่นๆ และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งพ่อแม่ควรนั่งดูอยู่ข้าง ๆ เด็กและคอยอธิบายให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตามไปด้วยเสมอ